รีวิว Interstellar หนัง Netflix เรื่องนี้จะน่าดูแค่ไหน
รีวิว Interstellar วันนี้เราจะมาพบกับหนัง Sci-Fi กับหนังเรื่องที่ต้องคุ้นตาคุ้นหูอย่าง Interstellar บอกเลยว่าเรื่องนี้ครบทุกอารมณ์แน่นอน ทั้งความรัก ความเข้าใจ ดราม่า ซึ้ง เศร้า ตื่นเต้น จัดเต็มมาแบบล้นๆ กันไปเลย โดย Interstellar นั้นเป็นเรื่องราวของโลกที่กำลังเกิดวิกฤตขึ้น ความแห้งแล้งมาเยือน พืชผักต่างๆ ล้มตาย และมีฝุ่นทรายเต็มบ้านเมืองไปหมด จะเหลือก็เพียงแค่ข้าวโพดพอประทังชีวิตชาวโลกไปวันๆ
เมื่อโลกถึงจุดที่ไร้ทรัพยากร ไม่มีแล้วอาหารและพืชผล องค์กรนาซ่าได้ทำงานอย่างลับๆในภารกิจเพื่อค้นหาดาวเคราะห์ใหม่ที่มนุษย์จะไปอาศัยอยู่ได้ พวกเขาจึงต้องไปสำรวจ โดยแบกความหวังของมนุษยชาติไว้ ถ้าอยากดูแล้วเชิญทางนี้ ดูหนังออนไลน์
Interstellar เต็มเรื่อง ในวันที่โลกไม่เหลือทรัพยากรอีกต่อไปแล้ว ผลกระทบที่ทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอ ปลูกพืชผลอะไรก็ไม่ขึ้น เหลือแต่เพียงข้าวโพดเท่านั้นที่จะเป็นอาหารที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของมนุษย์ ตัวเอกของเราเป็นนักบินเก่าผู้ซึ่งได้พบกับฐานลับนาซ่าโดยบังเอิญ พวกเขาต้องแอบคิดค้นประดิษฐ์ของเพราะเรื่องงบประมาณ
ตัวเอกได้ไปพบและถูกเชิญชวนให้ไปสำรวจโลกใหม่กับพวกเขาในฐานะนักบิน โดยภารกิจนี้ดำเนินมานานกว่า 10 ปีแล้วและพวกกลุ่มของตัวเอกในครั้งนี้ต้องไปตามดาวที่กลุ่มก่อนหน้าส่งสัญญาณออกมาว่าพอเป็นไปได้ที่จะใช้เป็นโลกใหม่
รีวิว Interstellar หนังน่าติดตาม
โดยหนังเรื่อง Interstellar เรื่องย่อ นี้ได้มีการเก็บรายละเอียดในเรื่องของความเป็นอยู่ของผู้คนได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ บอกเล่าว่าวิถีชีวิตของโลกในหนังนั้นแตกต่างจากโลกเราทุกวันนี้ยังไง ซึ่งมันสะท้อนภาพของวันสิ้นโลกออกมาได้แบบโดดเด่น ชัดเจนมาก มีความสมจริง และสมเหตุสมผล ทำให้หมดห่วงเรื่องคนที่ชอบจับผิดหนังว่าดูแล้วจะไม่สนุก หรือไม่เมคเซนส์
แน่นอนว่าในเมื่อสภาพโลกเรากำลังเข้าสู่จุดวิกฤตขั้นสูงสุด พืชผักอะไรก็ปลูกไม่ขึ้น และสภาพอากาศยังมาเป็นแบบนี้อีก ทำให้ข้าวโพด อาหารหลักอย่างสุดท้ายก็ค่อยๆ หมดลง NASA ค้นพบว่าพืชพันธุ์ของโลกเรากำลังจะหมดไป และสุดท้ายมนุษย์ก็จะสูญสิ้นตามไปด้วย โดยรุ่นลูก และรุ่นหลานของตัวเอกนี่แหละค่ะที่จะได้มองเห็นโลกใบนี้เป็นรุ่นสุดท้าย
เมื่อรู้แบบนั้นแล้วจึงได้มีการเริ่มต้นสำรวจดาวดวงใหม่เพื่อหาโอกาสความเป็นไปได้ที่จะย้ายชาวโลกไปอาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อเนื้อหาเข้มข้นถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีฉากลุ้น ซึ้ง ดราม่า มาเรียกอารมณ์ความประทับใจ
ซึ่งฉากซึ้งกินใจของเรื่องนี้ก็แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครให้เราได้อินตามกันจนน้ำตาท่วมทุ่งเอาได้ง่ายๆ เล่นกับความเป็น ความตาย ที่ลุ้นระทึกจากภัยธรรมชาติ ทั้งในโลกและนอกโลก รวมถึงความสิ้นหวังแบบสุดๆ ที่สามารถเกิดได้จริงในชีวิตเรานับจากนี้ไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า ถ้าชอบรีวิวนี้ สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังNetflix ได้เลยครับ
หนังไซไฟที่ดูยามว่างได้สบายๆ
Interstellar ซับไทย ถือว่าเป็นหนัง Sci-Fi ที่สามารถดูได้อย่างชิลๆ ไม่ต้องคาดหวังความหวือหวาจาก สี เสียง หรือบทบาทที่ลึกซึ้งอะไร ก็สามารถเข้าใจในตัวหนังได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบความสมจริง และความ Real ของบท และอารมณ์ รวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ ของตัวหนังล่ะก็ Interstellar สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน
หนังนานมาก ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แต่พูดได้เลยว่าไม่มีจุดไหนที่น่าเบื่อเลยสักนิดเดียว หนังเดินไปอย่างรวดเร็ว เริ่มจากปูเรื่องราวโลกในปัจจุบันกับปัญหาที่เขาต้องพบทั้งเรื่องขาดแคลนอาหารและฝุ่นที่ฟุ้งทั่วไปหมด จนเดินเรื่องตอนพระเอกเจอกับนาซ่า และการเข้าร่วมภารกิจ และไปที่ดวงดาวต่างๆ
คือเรื่องเดินไปเร็วมากและเดินหน้าไปเรื่อยๆไม่มีเวลาให้หยุดพักเลย และที่สำคัญคือใส่ประเด็นสำคัญมาตั้งแต่ต้นเรื่อง คือมันเป็นจุดไคลแมกซ์จุดคลายประเด็นของเรื่องที่หนังใส่มาให้เราเห็นตั้งแต่แรกแล้วอยู่ที่ว่าเราจะเคลียร์มันได้ไหม
เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ผ่านมาของผู้กำกับคนนี้ ที่สำคัญที่เห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นประเด็นครอบครัวนี่แหละ ที่ยังคงความดราม่าและความสำคัญตลอดมาในหนังแทบทุกเรื่องของเขา อยากอ่านรีวิวเรื่องอื่นๆเชิญทางนี้นะครับ Spencer
เมื่อวันสิ้นโลกเกิดขึ้นในยุคของเรา
เมื่อโลกจะถึงจุดสิ้นสุดในยุคของพวกเรา ทีมสำรวจก็ต้องรับมือกับภารกิจที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ โดยการเดินทางสู่กาแล็กซีอันไกลโพ้น เพื่อค้นหาความเป็นไปได้ว่าในอนาคตมนุษยชาติอยู่ท่ามกลางดวงดาวได้หรือเปล่า
งานชิ้นใหม่ของผู้สร้างฯ ชื่อดัง คริสโตเฟอร์ โนแลน (ภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight, Inception) Interstellar นำแสดงโดยแมทธิว แม็คคอนอเฮย์ เจ้าของรางวัล Oscar (Dallas Buyers Club), แอนน์ แฮทธาเวย์ (เจ้าของรางวัล Oscar Les Miserables), เจสสิก้า แชสเทน ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (Zero Dark Thirty)
บิล เออร์วิน (Rachel Getting Married), เอลเลน เบอร์สติน เจ้าของรางวัล Oscar (Alice Doesn’t Live Here Anymore) และไมเคิล เคน เจ้าของรางวัล Oscar (The Cider House Rules) นักแสดงคนสำคัญคนอื่นยังรวมถึงเวส เบนต์ลีย์, แคซีย์ เอฟเฟล็ค, เดวิด ไกอาซี่, แม็คเคนซี่ ฟอย และโทเฟอร์ เกรซ
กำกับฯโดย คริสโตเฟอร์ โนแลน เขียนบทฯโดย โจนาธาน โนแลนและคริสโตเฟอร์ โนแลน ภาพยนตร์เรื่อง InterstellarHD อำนวยการสร้างฯ โดย เอ็มม่า โธมัส, คริสโตเฟอร์ โนแลน และ ลินดา ออบต์ อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย จอร์แดน โกลด์เบิร์ก, เจค ไมเยอร์ส, คิป ธอร์น และโธมัส ทุล
รีวิว Interstellar หนังไซไฟสนุกๆ
เมื่อผู้เป็นพ่อต้องพรากจากลูกสาวสุดที่รักไปไกลแสนไกลอย่างที่ไม่รู้วันกลับ และไม่อาจบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ มันช่างเจ็บปวดใจยิ่งนักเมื่อสื่อสารกันได้เพียงนานๆ ครั้ง หลงเหลือไว้แต่ความไม่เข้าใจกัน
แม้รู้ว่าลูกสาวฉลาดแค่ไหนแต่ภาระหน้าที่ต่อมนุษยชาติและตัวตนความเป็นนักบินอวกาศมันบอกให้ทำสิ่งที่สำคัญกว่า กระนั้น ความรักครอบครัวอันเป็นอารมณ์ของมนุษย์ก็ไม่เคยจากไปไหน หากแต่หนังก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเรื่องตรงนั้น
หนังมีส่วนผสมที่หลากหลาย Interstellar Netflix เหมือนจะหยิบจับมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ดูแล้วก็อาจจะนึกถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกได้ว่าหยิบจับแล้วนำมาผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ
ทั้งเรื่องดราม่าในครอบครัว วิทยาศาสตร์เชิงอวกาศ แง่มุมความคิดที่เห็นต่างเมื่อมองคนละขั้ว และแง่มุมเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก ‘Interstellar’ ความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาทีของโนแลนดูจะไปได้สวยกับการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา
การออกเดินทางไปยังดาวดวงใหม่
มันแสดงให้เราได้รู้ถึงความลึกล้ำเกินจินตนาการมากกไปกว่าหนังไซไฟอวกาศเรื่องอื่นๆ ตัวเอกต้องเดินทางไปไกลแสนไกลผ่านรูหนอนมุ่งสู่ระบบดวงดาวอื่น ทั้งยังผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พันเกี่ยวทุกๆ สิ่งที่ถูกเล่าเอาไว้ด้วยอย่างล้ำลึก
ทว่าช่วงท้ายๆของหนังเราก็ยังพบว่า หนังอาจจะสรุปง่ายและมีความรวบรัดตัดตอนเยอะเกินไปนิด กระนั้น เมื่อมองดูมวลรวมของหนังที่พาเราไปท่องอวกาศที่เรายังไม่เคยไปถึง ผสานทฤษฎีความรู้ที่มากเกินกว่าคนธรรมดาจะคิดไปถึง ศัพท์แสงทางวิทยาศาสตร์ยุ่บยั่บจนอาจจะดูหนักหัวบางคนเกินไปบ้าง
แต่หนังก็ทำให้เราตะลึงพรึงเพริดไปกับภาพจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ ผสมกับฝีมือทางด้านดนตรีของ Hans Zimmer อันมินิมอลแต่งดงาม แม้ว่าอาจประทับใจได้ไม่เท่า ‘Inception’แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ต้องดู และต้องดูซ้ำเลยก็ว่าได้…
หนังมีส่วนผสมที่หลากหลาย เหมือนจะหยิบจับมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ดูแล้วก็อาจจะนึกถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกได้ว่าหยิบจับแล้วนำมาผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องดราม่าในครอบครัว วิทยาศาสตร์เชิงอวกาศ แง่มุมความคิดที่เห็นต่างเมื่อมองคนละขั้ว และแง่มุมเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก
รีวิว Interstellar ลองไปติดตามรับชมกันดูได้เลย
ตัวหนังอัดแน่นไปด้วยหลักการมากมายทางวิทยาศาตร์ฟิสิกส์ คืออาจต้องใช้พลังในการตั้งใจดูและสมองในการทำความเข้าใจภาษาไซไฟสักหน่อย แน่นอนว่าหนังเรื่อง Interstellar รีวิว นี้อาจมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คือคนชอบหนังไซไฟน่าจะชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ช่วงที่หนังไซไฟอธิบายหลักการณ์เหตุผลของหนังเป็นช่วงที่ไม่เก็ท อะไรคือ กฎเมอฟี่ แรงโน้มถ่วงของโลก ฮอไรซั่น รูหนอน หลุมดำ รหัสมอส อันนี้ไม่ใช่หนังไม่ดี แต่เป็นเพราะคืนความรู้เรื่องฟิสิกส์ไปตั้งแต่ตอนเรียนปีสองแล้วฮะ
การเล่าเรื่อง เราจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเนื้อหาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะการกระทำของตัวละครหรือเหตุผลบางอย่างก็สร้างความขัดแย้งในความคิด เหตุผลหลายอย่างฟังแล้วก็รู้สึกสงสัยทำไมมันอย่างนั้นอย่างนี้ หลายอย่างก็ดูบังเอิ้๊น บังเอิญจงใจไปหน่อย
เรื่องของเทคนิคการทำภาพ เรื่องนี้ยอมรับว่าทำได้ดี ในฉากบนอวกาศที่กว้างใหญ่และวังเวง เสียงซาวน์หึ่งๆ ตามสไตล์ โนแลนนี่เหมาะกับการดูไอแมกจริงๆ เบทตึ้บๆ นั่งดูไปสะท้านเสียงเบทไป แค่ฉากคลื่นยักษ์กับฉากข้ามรูหนอนแค่สองฉากนี้ถือว่าคุ้มค่าไอแมกแล้ว
ตัวหนังรวบรวมดาราระดับออสก้าร์ไว้คับคั่ง ตั้งแต่ เจสสิกา แชสเทนที่เคยเข้าชิงออสการ์ นำหญิงจาก Zero Dark Thirty แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ เจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุด จาก Dallas Buyers Club รวมถึง แอนน์ แฮทธาเวย์ แมท เดมอน ไมเคิล เคน